|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เครื่องมือคุณภาพ (quality tools) เป็นเทคนิคการวิเคราะห์ ที่ช่วยในการทำความเข้าใจกับ ปัญหา และเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหา เพื่อการพัฒนาคุณภาพขององค์กร พัฒนาการผลิต หรือพัฒนาคุณภาพในแต่ละกระบวนการ บทความนี้จะกล่าวถึง เครื่องมือคุณภาพแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท โดยแบ่งอย่างกว้างๆ ได้เป็น เครื่องมือคุณภาพแบบเดิม (old tools) และเครื่องคุณมือคุณภาพแบบใหม่ (new tools) เครื่องมือคุณภาพในอดีตจะเน้นไปที่การใช้งาน ซึ่งมีการเรียกชื่อในหลายชื่อ ตัวอย่างเช่น leadership tools, customer satisfaction tools, quality planning and assurance tools, human resource tools และ information/analytical tools เครื่องมือหลายชนิดมีที่มาจากญี่ปุ่น เช่น เครื่องมือที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย และมีชื่อผู้ที่คิดขึ้นมา คือ Ishikawa diagrams และ Taguchi methods เครื่องมืออีกหลายชนิดที่ใช้ชื่อภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากการนำไปใช้งาน เช่น Poke-Yoke หรือ Hoshin planning เราอาจสรุปได้ว่า ญี่ปุ่นเป็นต้นแบบของเครื่องมือคุณภาพ ซึ่งมาจากข้อเท็จจริง ที่เครื่องมือหลายชนิด มีที่มาจากญี่ปุ่น หรือมีการพัฒนาการนำไปใช้โดยญี่ปุ่น แต่ก็มีเครื่องมืออีกหลายชนิด ที่มาจากอเมริกา หรือจากความร่วมมือของอเมริกากับญี่ปุ่น เครื่องมือบางชนิด มีรากฐานมาจากสถิติเบื้องต้น เช่น เครื่องมือพื้นฐาน ที่แสดงข้อมูลอย่างง่าย และรู้จักกันดี คือ histogram และ check sheet เครื่องมือบางอย่างเกิดจากการคิดขึ้นมา เช่น Ishikawa diagram ขณะที่เครื่องมือบางอย่าง เกิดจากการความพยายามของอเมริกา ในการปรับปรุงคุณภาพ เช่น control chart เครื่องมือชนิดใหม่ นิยมที่จะใช้สถิติน้อยลง โดยมาเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์มากขึ้น มีการใช้คณิตศาสตร์น้อยลง และมาดูที่พฤติกรรมของคนมากขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เครื่องมือคุณภาพเบื้องต้น หรือเครื่องมือคุณภาพแบบเดิม
(Basic or Old tools) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เป็นเครื่องมือคุณภาพที่มีการใช้มาเป็นเวลานานแล้ว มักจะเป็นเครื่องมือที่มีการนำข้อมูลตัวเลขมาใช้เป็นหลัก ซึ่งจะแตกต่างจากเครื่องมือคุณภาพแบบใหม่ ที่มักจะไม่ได้ใช้ผลจากการคำนวณตัวเลขเป็นหลัก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ตาราง แสดง เครื่องมือคุณภาพเบื้องต้น (basic tools)
|
Histogram |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รูปด้านบนแสดง histogram แบบทั่วไป ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้แสดงลักษณะการกระจาย และความแปรปรวนของข้อมูล ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนมากกว่าการดูตัวเลขจากตาราง ตารางด้านล่างเป็นชุดข้อมูลที่เก็บจากกระบวนการผลิต โดยการวัดตัวอย่างซ้ำในช่วงเวลาที่กำหนด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
histogram สามารถทำให้มองเห็นได้ทันที ว่าตัวอย่างที่เก็บมาจากกระบวนการนั้นมีการกระจายของข้อมูลอย่างไร histogram ที่มีการกระจายของข้อมูลดังรูปด้านบน เรียกว่า histogram แบบปกติ (normal) หรือ Gaussian histogram รูปแบบของ histogram มีหลายลักษณะ การตรวจสอบ histogram จะสามารถแสดงให้เห็นถึงปัญหาจากการสุ่มตัวอย่าง หรือปัญหาที่เกิดจากกระบวนการ รูปแบบการแสดงข้อมูลที่คล้ายกับ histogram คือ กราฟแท่ง (bar chart) ซึ่งมีความแตกต่างกันที่แกนนอนไม่ใช่ช่วงของข้อมูล แต่แสดงเป็นค่าที่ได้จากการเก็บตัวอย่างโดยตรง เช่น ในการนับตัวอย่างที่มีสีเหลือง น้ำเงิน และแดงในสายการผลิต สามารถนำตัวเลขจากการนับแต่ละสีมาเขียนกราฟแท่ง โดยเปรียบเทียบจำนวนของแต่ละสีได้จากความสูงของแท่งกราฟ
|
แผนภูมิพาเรโต (Pareto Diagram) |
|||||||||||||||||||||
แผนภูมิพาเรโต (Pareto diagram) ได้ชื่อมาจาก Vilfredo Pareto นักเศรษฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ชาวอิตาลี ซึ่งเป็นผู้ที่คิดวิธีนี้ขึ้นมา และเผยแพร่ในปลายศตวรรษที่ 19 โดยใช้กฎ 80/20 ซึ่งมีที่มาจากการสำรวจพบว่า ในประเทศอิตาลียุคนั้น มีคนรวย 20% คนจน 80% และใน 20% นี้ ครอบครองทรัพย์สิน 80% ขณะที่คน 80% ครอบครองทรัพย์สิน 20% แผนภูมิพาเรโต มีลักษณะคล้ายกับกราฟแท่ง หรือ histogram แตกต่างกันที่ แท่งของข้อมูลตามแนวแกนนอน มีค่าลดลงตามลำดับ หลักการของแผนภูมิพาเรโต ในการปรับปรุงคุณภาพ คือการหาตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพ (quality function) ตัวอย่างเช่น ถ้าเราหาตัวแปรที่มีผลกระทบต่อคุณภาพ และนำมาหาค่าตัวเลข หรือร้อยละของผลกระทบนั้น จัดลำดับจากมากไปน้อย นำมาเขียนกราฟโดยให้แกนตั้งด้านซ้าย เป็นค่าจริงของผลกระทบของตัวแปร ส่วนแกนตั้งด้านขวา เป็นค่าสะสมของผลกระทบของตัวแปร ตัวอย่างเช่น ในการเก็บตัวอย่างที่มีปัญหาจำนวน 200 ชิ้น จากสายการผลิตในช่วงเวลาหนึ่ง มี 40 ชิ้นที่เกิดจากความร้อนสูง 80 ชิ้น เกิดจากชิ้นส่วนเสียหาย 20 ชิ้น เกิดจากระบบไฟฟ้า ตามลำดับ |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
ถ้านำข้อมูลมาจัดลำดับลงในตารางจากมากไปน้อย จะได้กราฟความสัมพันธ์ 2 แบบ คือ กราฟแท่งที่แสดงตัวเลขหรือร้อยละของความสัมพันธ์ (ได้แก่ 80, 40, 20, 20, 20, 10, 10) และผลรวมสะสม (cumulative sum) ของร้อยละ (ได้แก่ 40, 60, 70, 80, 90, 95, 100) กราฟที่ได้จะแสดงให้เห็นลำดับและขนาดของผลกระทบของตัวแปร และแสดงให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหา ต้องแก้ไขที่ตัวแปรใดก่อน แผนภูมิพาเรโต มีประโยชน์ในการสรุปรวม และประมาณการณ์ถึงขนาดของปัญหา ที่จะแก้ไขได้จากแต่ละปัจจัย |
|||||||||||||||||||||
การจัดลำดับชั้น (Stratification) |
แนวคิดในการจัดลำดับชั้นของข้อมูล คือการทดสอบว่าข้อมูลจะมีผลจากทสอบด้วยวิธีการทางสถิติที่แตกต่างกันอย่างไร ตัวอย่างเช่น การวัดขนาดของชิ้นงานในสายการผลิต ซึ่งจะได้รับผลเครื่องมือ 2 ชนิด คือ เครื่องมือตัดและเครื่องมือขัดเงา ซึ่งต่างก็มีผลต่อความแปรปรวนของขนาดของชิ้นงานที่ผลิตได้ เครื่องมือทั้งสองมีผลต่อความแปรปรวนแตกต่างกัน จากรูป การกระจายของความแปรปรวน มี 2 ค่า คือ Dist 1 และ Dist 2 ซึ่งเกิดจากเครื่องมือแต่ละชนิด โดย Dist 1 มีค่าเฉลี่ย (ส่วนที่มีความถี่สูงที่สุด) ต่ำกว่า Dist 2 แท่งกราฟชุดที่ 3 แสดงผลรวมของความแปรปรวนทั้งสอง ซึ่งเป็นค่าที่ได้จากการวัดชิ้นงานที่สำเร็จแล้ว จากตัวอย่างนี้ ถ้าไม่มีข้อมูลของการจัดลำดับชั้น โดยแยกแต่ละตัวแปรออก เราจะไม่สามารถทราบที่มาที่แท้จริงของความแปรปรวนได้
|
หลักการของการจัดลำดับชั้นข้อมูล สามารถนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้มองเห็นผลที่เกิดขึ้นจากหลายตัวแปร ข้อมูลเดียวกันนี้ เราสามารถแสดงด้วย scatter plot ได้เช่นกัน โดยนำไปเขียนกราฟ xy โดยใช้สเกลแบบเดียวกัน และจากข้อมูลนี้ จะทำให้ทราบได้ว่า ข้อมูลที่มาจากคนละแหล่ง จะมีค่าเฉลี่ยและค่าการกระจายที่แตกต่างกัน |
แบบบันทึกการตรวจสอบ (Check Sheet) |
||
|
||
ถ้านำข้อมูลของ check sheet ไปใช้ร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จะทำให้สามารถแสดงข้อมูลออกมาในรูปของกราฟแท่ง ซึ่งเป็นผลรวมของข้อมูลจากการขายในแต่ละพื้นที่ของประเทศ มีการใช้หลักการนี้ของ check sheet ไปใช้กับการตรวจสอบความเสียหายของเครื่องยนต์ โดยการพิมพ์รูปของเครื่องยนต์ และให้ผู้ใช้ทำเครื่องหมายแสดงตำแหน่งที่มีความเสียหายหรือต้องการให้ตรวจสอบ
|
||