สถานะของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
สิ่งที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมาไดอิชิ (Fukushima Daiichi) เมื่อวันศุกร์ ที่ 18 มีนาคม เวลา 7.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
เครื่องปฏิกรณ์ยังคงได้รับน้ำทะเลผสมโบรอน ขณะที่แกนเครื่องปฏิกรณ์ได้รับความเสียหาย ความดันของบ่อปรับความดัน (suppression pool) เริ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ทำให้มีปัญหาในการลดความดันของอาคารคลุมเครื่องปฏิกรณ์ (containment vessel) แต่การเชื่อมต่อไฟฟ้าจากสายส่งก็ใกล้จะสำเร็จแล้ว น้ำปริมาณมากกว่า 65 ตัน ถูกปั๊มและสเปรย์เข้าไปในบ่อเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้ว Rod McCullu จาก Nuclear Energy Institute กล่าวว่า “ทางญี่ปุ่นกำลังพยายามป้องกันสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกับเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 4” คณะกรรมการกำกับนิวเคลียร์ (NRC) ของสหรัฐเชื่อว่า ไม่มีน้ำเหลืออยู่แล้วในบ่อเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้ว (spent fuel pool) และระดับรังสีน่าจะสูงมาก ส่วน TEPCO รายงานว่า ส่วนหนึ่งของผนังบ่อซึ่งเป็นคอนกรีตอัดแรงได้พังลงมา แต่แผ่นเหล็กสเตนเลสที่บุภายในยังคงอยู่ เมื่อวันพุธ ระดับน้ำในบ่อเก็บเชื้อเพลงใช้แล้วได้ลดลง 6 นิ้ว ในเวลา 5 ชั่วโมง เครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์ดีเซลสามารถใช้งานได้และจ่ายไฟฟ้าให้เครื่องปฏิกรณ์เครื่องที่ 5 กับ 6 แล้ว
ลำดับการเกิดเหตุ
ระดับน้ำในบ่อเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วที่ลดลง: เซอร์โคเนียมทำปฏิกิริยาออกซิไดซ์กับไอน้ำ
การหมุนเวียนของน้ำในบ่อเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วที่ตั้งอยู่ส่วนบนของอาคารเครื่องปฏิกรณ์ ใช้เก็บและระบายความร้อนของเชื้อเพลิงใช้ที่ยังคงร้อนอยู่ รวมทั้งทำหน้าที่ป้องกันรังสีให้กับอาคารไปในตัวด้วย การทำให้น้ำมีอุณหภูมิเย็นลงได้ จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าเข้าไปช่วย
ถ้าระดับน้ำลดลง ระดับรังสีของห้องในบริเวณบ่อจะสูงขึ้นจากนั้นน้ำจะเริ่มเดือด ไอน้ำจะทำปฏิกิริยากับท่อซึ่งเป็นอัลลอยด์ของเซอร์โคเนียม (zirconium alloy) ที่หุ้มเม็ดเชื้อเพลิงยูเรเนียมออกไซด์ (uranium oxide fuel pellets) ปริมาณมากเอาไว้ ทำให้เกิดก๊าซไฮโดรเจนที่ไวไฟออกมา ถ้าระดับน้ำลดลงจนสูงกว่าแท่งเชื้อเพลิงไม่กี่ฟุต ความแรงรังสีจะสูงและเป็นอันตรายมากหากใครไปยืนอยู่บริเวณนั้น
เชื้อเพลิงใช้แล้วในบ่อเก็บผุดขึ้นมา : ปลอกหุ้มเซอร์โคเนียมติดไฟ
เมื่อชุดของแท่งเชื้อเพลิง (fuel assembly) ผุดขึ้นมาสัมผัสอากาศ จะเร่งให้ปฏิกิริยาออกซิเดชันของอัลลอยด์เซอร์โคเนียมสูงขึ้น ในทางทฤษฎีแล้วอาจระเบิดได้จากการเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า ปลอกหุ้มเซอร์โคเนียมติดไฟ (zirconium cladding fire) ซึ่งจะทำให้ผลผลิตฟิชชัน (fission product) ที่มีกัมมันตภาพรังสีที่เป็นสารระเหยรั่วไหลออกมาสู่บรรยบากาศได้ รวมทั้ง ไอโอดีน-131 (iodine-131) ซีเซียม-137 (cesium-137) สตรอนเทียม-90 (strontium-90) และพลูโตเนียม-239 (plutonium-239) การเทน้ำลงไปยังเซอร์โคเนียมติดไฟ (zirc fire) อาจทำให้เม็ดเชื้อเพลิงร้อนแตกออก ทำให้เกิดไอของธาตุกัมมันตรังสี วิศวกรอาจดับไฟด้วยโฟมหรือทราย
การใช้เฮลิคอปเตอร์และท่อฉีดแรงดันสูง ปล่อยน้ำประมาณ 65 ตันเข้าไปยังบ่อเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้ว ของเครื่องปฏิกรณ์ Fukushima Daiichi เครื่องที่ 3 เมื่อวันพฤหัส เพื่อเติมน้ำในบ่อเก็บเชื้อเพลิงยูเรเนียมใช้แล้ว 88 ตัน ที่ระดับน้ำลดลงจนอยู่ในระดับวิกฤต วิศวกรไม่สามารถวัดอุณหภูมิและระดับน้ำของเครื่องปฏิกรณ์ เครื่องที่ 1 และ 4 ได้ แต่ Rod McCullum จากสถาบันพลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Energy Institute) คาดว่าบ่อเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วของเครื่องปฏิกรณ์เครื่องที่ 4 น่าจะถึงจุดเดือดตั้งแต่วันอังคาร McCullum กล่าวว่า การเดือดอาจไม่ได้ทำให้ปริมาณน้ำในบ่อเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่มีการไหลออก อาจมีหลายปัจจัยร่วมกัน รวมทั้งการกระฉอกจากการเกิดแผ่นดินไหว การะเหย การเดือด หรืออาจะเกิดรอยร้าว
การอพยพ
รังสีอันตรายอย่างไร
ทางการญี่ปุ่นรายงานว่าระดับรังสีใกล้กับเครื่องปฏิกรณ์ เครื่องที่ 3 ที่โรงไฟฟ้า Daiichi เมื่อเช้าวันจันทร์ อยู่ที่ 400 มิลลิซีเวิร์ตต่อชั่วโมง (millisieverts per hour) ระดับรังสีสูงพอที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อพนักงานที่ทำงานบริเวณนั้นได้ แต่ปริมารรังสีที่วัดได้รอบโรงไฟฟ้า อยู่ที่ 8.2 mSv/h ต่ำกว่าปริมาณรังสีเฉลี่ยจากการทำซีทีสแกน (CT scan) ต่อมาผลการวัดได้แสดงให้เห็นว่าปริมาณรังสีได้ลดระดับลงไปอีก
0.1 mSv |
ปริมาณรังสีที่ได้รับเมื่อไปถ่ายภาพรังสีเอ๊กซ์ที่โรงพยาบาล 1 ครั้ง |
|
10 mSv |
ปริมาณรังสีที่ได้รับเมื่อไปถ่ายภาพรังสีด้วยเทคนิคการสแกนแบบ CT ที่โรงพยาบาล 1 ครั้ง |
|
1,000 mSv |
ปริมาณรังสีที่ทำให้เกิดอาการป่วยจากรังสี รวมทั้งมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และจะมีอาการหนักมากขึ้นเมื่อได้รังสีมากขึ้น |
|
6,000 mSv |
ปริมาณรังสีที่พนักงานที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลได้รับระหว่างเกิดอุบัติเหตุเมื่อปี 1986 และเสียชีวิตภายใน 1 เดือน |
|
ผลของรังสี
การได้รับรังสีปริมาณสูงจะทำให้เกิดผลในทันที แต่ผลเสียที่เกิดจากการได้รับรังสีปริมาณต่ำๆ เช่น 100 mSv หรือต่ำกว่า อาจจะไม่แสดงอาการเป็นสิบปี ทางการญี่ปุ่นได้กำหนดขีดจำกัดปริมาณรังสีที่พนักงานทางนิวเคลียร์จะรับได้ในภาวะฉุกเฉิน อยู่ที่ 50 mSv
การได้รับรังสีปริมาณสูง
การได้รับรังสีปริมาณสูงในเวลาสั้นๆ เป็นนาทีหรือชั่วโมง จะทำให้เกิดผลของรังสีแบบเฉียบพลัน ซึ่งจะเกิดขึ้นทันที
ผลระยะสั้น ผมร่วงภายในหนึ่งสัปดาห์ สมอง มึนงง สับสน กระเพาะ/ลำไส้ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร เยื่อบุทางเดินอาหารเสียหาย ผิวหนัง ผิวไหม้ ทำให้ติดเชื้อ กระดูก เซลล์ไขกระดูกเริ่มตายลง อาการโดยรวม อ่อนเพลีย สูญเสียน้ำ
ผลระยะยาว เซลล์ได้รับความเสียหาย ทำให้อาจกลายเป็นมะเร็งไขกระดูกหรือมะเร็งชนิดอื่น
เกิดขึ้นกับใคร ผู้ที่ทำงานใกล้กับต้นกำเนิดรังสี เช่น เจ้าหน้าที่เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
ปริมาณรังสีสูงมากจะทำให้เสียชีวิตได้ เช่น 5,000-12,000 mSv
การได้รับรังสีปริมาณต่ำ
คนที่ได้รับรังสีปริมาณน้อย (ประมาณ 100 mSv หรือน้อยกว่า) ไม่ค่อยมีอาการแบบเฉียบพลัน และร่างกายจะซ่อมแซมหรือกำจัดเซลล์ที่เสียหายได้
เกิดขึ้นกับใคร คนที่อาศัยอยู่รอบๆ หรืออยู่ใต้ลมของบริเวณที่มีรังสี และอาจสูดหายใจหรือรับประทานสิ่งที่มีสารรังสีปนเปื้อน
สาเหตุและอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ ตา เป็นต้อ ต่อมไทรอยด์ มีการสะสมไอโอดีนกัมมันตรังสีที่ต่อมไทรอยด์ ทำให้เกิดมะเร็ง ปอด สูดละอองที่มีพลูโตเนียมทำให้เป็นมะเร็งปอด ระบบสืบพันธุ์ ความเสียหายทางพันธุกรรมจะส่งต่อไปยังเด็กในรุ่นต่อไป ทั่วทั้งร่างกาย ซีเซียมที่แพร่กระจายออกไปปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม อาจทำให้เกิดมะเร็งได้หลายชนิดถ้ารับประทานหรือสูดหายใจเข้าไป
|
เส้นทางของกลุ่มควันรังสี (plume)
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่ารังสีจะถึงอเมริกาเหนือในปริมาณที่น้อยมาก
กลุ่มควันรังสีคืออะไร?
มีอะตอมกัมมันตรังสีเป็นร้อยชนิดที่รั่วไหลออกจากเครื่องปฏิกรณ์ แต่โดยทั่วไป นักวิทยาศาสตร์จะให้ความสนใจอยู่ 4 ชนิด
ไอโอดีน-131 ครึ่งชีวิต 8 วัน : ต่อมไทรอยด์เป็นอวัยวะที่สะสมไอโอดีนทั้งแบบปกติและแบบมีกัมมันตภาพรังสี ถ้าได้รับไอโอดีนมีกัมมันตภาพรังสีเข้าไปมากๆ อาจทำให้เกิดความผิดปกติ ทำให้เซลล์ตายลง หรือกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ การที่มีอายุสั้น จึงทำให้มีโอกาสน้อยมากที่จะเคลื่อนที่ผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกไปถึงอีกฝั่งได้
พลูโตเนียม-239 ครึ่งชีวิต 24,000 ปี พลูโตเนียมมีความเป็นพิษสูง และเป็นอันตรายหากสูดหายใจเข้าไป เนื่องจากเนื้อเยื่อปอดไวต่อรังสี แต่จะไม่เป็นอันตรายมากหากรับประทานเข้าไป ซึ่งดูเหมือนอุบัติเหตุครั้งนี้จะมีพลูโตเนียมรั่วไหลออกมาเล็กน้อย
ซีเซียม-137 ครึ่งชีวิต 30 ปี ซีเซียมที่มีกัมมันตภาพรังสีสามารถเข้าไปในห่วงโซ่อาหารได้ง่าย โดยเข้าไปทางนมและพืชผัก ถ้าสูดหายใจหรือรับประทานเข้าไป จะอยู่ในกระบวนการคล้ายโปแตสเซียม แต่มีการปล่อยรังสีเข้าสู่ร่างกาย ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเป็นมะเร็งได้หลายแบบ
สตรอมเทียม-90 ครึ่งชีวิต 29 ปี มีคุณสมบัติคล้ายซีเซียม เมื่อยู่ในสิ่งแวดล้อมและเรารับประทานเข้าไปจะเป็นแบบเดียวกับแคลเซียม คืออยู่ที่กระดูกและฟัน ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงสูงขุ้นในการเป็นมะเร็งกระดูกหรือมะเร็งของไขกระดูก (leukemia)
|
|
ที่มา : เวบไซต์
“Fact Sheet” www.nei.org
“Japan’s nuclear emergency” www.washingtonpost.com
|
|